วธ.เชิญชวนสวดมนต์ข้ามปี 2568 เสริมสิริมงคลทั่วไป 31ธค.67
วธ. เชิญชวนสวดมนต์ข้ามปี 2568 เสริมสิริมงคลทั่วไทย 31 ธ.ค. 67
พร้อมกันทั่วประเทศ...
.กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
จัดงานสวดมนต์ข้ามปีภายใต้ชื่อ “สวดมนต์ข้ามปี ถวายพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า
ต้อนรับศักราชใหม่ 2568” ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.67 - 1 ม.ค. 68 เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า นับเป็น
สิริมงคลอย่างยิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก ประทานไฟพระฤกษ์ให้แก่กระทรวงวัฒนธรรมเพื่อจุดเทียนมงคลในพิธีสวดมนต์ข้ามปี และโปรดประทานตราอักษรพระนาม ออป. จัดพิมพ์ลงบนกล่องไม้ขีดไฟ เพื่อมอบให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ นำไปประกอบพิธีจุดเทียนมงคลในกิจกรรมดังกล่าว สร้างขวัญกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วม
ในพิธี และเป็นสิริมงคลในการเข้าสู่ศักราชใหม่ ในการนี้ กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมการศาสนา ได้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถสวดมนต์ข้ามปีได้ทุกที่ในช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประชาชนได้นำหลักธรรมคำสอน มาบ่มเพาะ เสริมสร้างพลังใจให้มีจิตใจที่ผ่องใส
ลด ละ เลิกอบายมุข ก่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยส่วนกลางจัดกิจกรรม
ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง วัดอรุณราชวราราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ จะมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพงานสวดมนต์ข้ามปี เชื่อมโยงการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในส่วนภูมิภาคของประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์และช่องทางอื่น ๆ อีกทั้ง
กรมการศาสนายังได้จัดทำหนังสือสวดมนต์เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่มาร่วมพิธี
สำหรับประชาชนที่มาร่วมสวดมนต์ข้ามปี ยังสามารถเข้ากราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)
ที่ประดิษฐานบนมณฑป ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ซึ่งเปิดให้ เข้ากราบสักการะ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งนี้ รัฐบาลไทย และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้เห็นชอบร่วมกัน ในการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร เป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - จีน ในปี 2568 นอกจากนี้ กรมการศาสนายังได้ขอความร่วมมือองค์การศาสนา เชิญชวนศาสนสถานในสังกัด
จัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ตามหลักศาสนบัญญัติของศาสนานั้นๆ โดยศาสนาคริสต์ จัดพิธีบูชาขอบคุณพระเจ้า ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู จัดพิธีสวดมนต์ ศาสนาซิกข์ จัดพิธีสวดอัรดาส ขอพรต้อนรับปีใหม่ และสำหรับในช่วงเช้าของวันที่ 1 มกราคม 2568 จะมีพิธีตักบาตรรับปีใหม่ ของพุทธศาสนิกชน เพื่อความเป็นสิริมงคลพร้อมกันทั่วประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า ในส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด โดยองค์กรเครือข่ายทางพระพุทธศาสนาในแต่ละจังหวัด ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชนท้องถิ่น ได้ร่วมจัดกิจกรรมหรือสนับสนุนการดำเนินงาน ตลอดจนประชาสัมพันธ์เผยแพร่การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีและกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ รวมทั้งยังร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี หนองคาย นครพนม บึงกาฬ มุกดาหารศรีสะเกษ สุรินทร์ เลย ตราด ตาก เชียงราย แม่ฮ่องสอน ยะลา ระนอง สตูล สงขลา และนราธิวาส
จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอาเซียนให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับเทศกาล ประเพณี
พิธีทางศาสนาและพิธีการต่าง ๆ ของจังหวัด ในส่วนของวัดในต่างประเทศทั่วโลก ได้ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีฯ ตามวัด/ศาสนสถาน หรือสถานที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีฯ ต่างประเทศ ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ประสานความร่วมมือไปยังวัดไทยและวัดทางพระพุทธศาสนาในต่างประเทศทั่วโลกร่วมจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อาทิ จีน ญี่ปุ่น ลาว เวียดนาม เมียนมา สิงคโปร์ ศรีลังกา อินเดีย เนปาล ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน สหราชอาณาจักร และมองโกเลีย เป็นต้น...
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า การสวดมนต์ข้ามปีในปีนี้จะเป็นกิจกรรมสำคัญ
ที่ประชาชนจะได้ร่วมก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วยความเป็นสิริมงคล ก่อเกิดอานิสงส์ที่สำคัญ คือ การลดความเสี่ยงจากอบายมุข อุบัติเหตุ และความชั่วร้าย นอกจากนี้ยังเป็นการทำบุญใหญ่ให้กับชีวิต ทั้งทางกาย จิต และปัญญา พุทธศาสนิกชนได้ร่วมส่งท้ายปีเก่าด้วยธรรมะ และต้อนรับปีใหม่ด้วยศีล พร้อมเริ่มต้นชีวิตด้วยสิ่งที่เป็นมงคล
อันจะส่งผลให้ได้พบสิ่งที่เป็นมงคลตลอดทั้งปี ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจัดกิจกรรมอารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568 ณ วัดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 11 แห่ง ได้แก่ 1) วัดราชบพิธ-สถิตมหาสีมาราม 2) วัดไตรมิตรวิทยาราม 3) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 4) วัดประยุรวงศาวาส 5) วัดมหาธาตุ-ยุวราชรังสฤษฎิ์ 6) วัดสุทัศนเทพวราราม 7) วัดอรุณราชวราราม 8) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 9) วัดราชนัดดาราม 10) วัดระฆังโฆสิตาราม 11) วัดสระเกศ รวมถึงเทวสถานโบสถ์พราหมณ์
และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เยี่ยมชมและสัมผัสความงดงามของศาสนสถานและพิพิธภัณฑ์ด้วยแสงไฟยามค่ำคืนในช่วงเทศกาลปีใหม่ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้แนวคิด Thailand Winter Festivals ของรัฐบาล ในการจัดกิจกรรมอีเวนต์และเฟสติวัลหลากหลายและครอบคลุมในทุกมิติในช่วงเวลาพิเศษของประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand” ในหมวดหมู่ เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือ Countdown และกรมการศาสนาได้จัดทำเว็บไซต์สวดมนต์ข้ามปีฯ Chanting2025 เพื่อเพิ่มโอกาสให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้มีโอกาสสวดมนต์ได้ในทุกสถานที่ ทุกช่วงเวลาตามอัธยาศัย สามารถสอบถามรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ www.dra.go.th
โทรศัพท์ 0 2209 3728 - 3699 สายด่วนวัฒนธรรม 1765...
__________________________
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น